วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

“ตร.ใจร้าย” สั่งจับสุนัข 3 แม่ลูกไปปล่อย เพราะกลัวนายเหยียบ “ขี้หมา”





สุดเศร้า! แม่สุนัขพร้อมลูกอ่อน 2 ตัว ถูกผู้ใหญ่ใจร้ายสั่งเด้งด่วนออกจากใต้ถุน บช.น.สอบถามเหตุสั่งย้าย แค่กลัวนายเดินเหยียบขี้หมาเท่านั้น ขณะที่บรรดา ตร.ผู้น้อยและสื่อมวลชน ที่เคยเอ็นดู และให้อาหาร ต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงคำสั่งดังกล่าว โดยไม่รู้ชะตากรรมของหมาแม่ลูกอ่อนและลูกๆ จะเป็นอย่างไร
     



       วันนี้ (7 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำ บช.น.ได้รับแจ้งจาก พ.ต.ต.เนติ วงษ์กุหลาบ สว.งาน
ประชาสัมพันธ์ บช.น.(ฝอ.5 บก.อก.บช.น.) ว่า ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้ดำเนินการจัดการกับแม่-ลูกสุนัข ไม่มีเจ้าของ จำนวน 3 ตัว ที่อาศัยอยู่ใต้บันไดทางขึ้นอาคาร บช.น.ฝั่งหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ออกไปโดยด่วน หลังจากที่แม่สุนัขตัวดังกล่าวมาอาศัยตกลูกคลอกหนึ่งจำนวน 6 ตัว เมื่อกลางเดือน มิ.ย.ประมาณ 5 เดือนก่อน ตั้งแต่สมัย พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ดำรงตำแหน่ง ผบช.น.และถูกโยกย้ายไป รรท.ผบช.กมค.โดยมี พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา มา รรท.ผบช.น.แทนเมื่อ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา
 
  
       โดย พ.ต.ต.เนติ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประชาสัมพันธ์ผู้ใต้บังคับบัญชาไปจับทุกคนก็ปฏิเสธไม่มีใครกล้าไปจับ ใช้ให้โทรศัพท์ติดต่อไปทางสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ให้ส่งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการจับสุนัข 3 แม่ลูก ทุกคนก็ปฏิเสธ ไม่มีใครดำเนินการให้ อ้างติดงานอื่นอยู่ ส่วนตัว สว.ปชส.เอง ก็ระบุว่า ไม่อยากเป็นคนโทร.แจ้งเอง เพราะไม่ต้องการเป็นต้นเหตุพรากแม่ลูกสุนัขเหล่านี้ หากถูกผู้บังคับบัญชาสอบถามเหตุผล ก็จะแจ้งว่า เกรงถูกแม่สุนัขดังกล่าวกัดเอา เมื่อไปจับมัน เพื่อไปปล่อยตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา
       

       ตัวแทนสื่อมวลชนประจำ บช.น.ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ และสิ่งพิมพ์ ได้ติดต่อขอเข้าพบ พล.ต.ต.วีระพัฒน์ ตันศรีสกุล ผบก.อก.บช.น.ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลสถานที่ภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาลทั้งหมด เพื่อสอบถามถึงที่มาของคำสั่งดังกล่าว ได้รับการเปิดเผยว่า มีผู้บังคับบัญชาท่านหนึ่งสั่งการมาอีกทอดหนึ่ง เพราะเห็นว่าลูกสุนัข 2 ตัวที่เหลืออยู่ แอบขึ้นไปถ่ายอุจจาระ-ปัสสาวะ บริเวณพื้นหินขัดทางขึ้นอาคาร บช.น.ที่ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รรท. ผบช.น.ลงจากรถยนต์เพื่อเดินขึ้นสำนักงาน เกรงหากแม่บ้านทำความสะอาดไม่ทัน รรท.ผบช.น.จะเดินไปเหยียบเข้าได้
     
       “โดยส่วนตัวตนไม่คิด หรือรู้สึกอะไรกับหมาแม่ลูกเหล่านี้ เพราะเวลาตอนเย็นที่ตนออกวิ่งและตีปิงปองออกกำลังกาย ก็เห็นหมาแม่ลูกเหล่านี้ตั้งแต่ตัวเล็กๆ ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูดี มันเป็นมิตรเล่นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนักข่าวทุกคนใน บช.น.ดี ไม่เห็นว่าจะมีใครรังเกียจมัน แต่เมื่อมีผู้บังคับบัญชาสั่งก็ต้องปฏิบัติ โดยบอกให้ สว.ปชส.ซึ่งพื้นที่ที่หมาแม่ลูกเหล่านั้นอาศัยอยู่ อยู่ด้านหน้าของแผนกประชาสัมพันธ์ต้องรับผิดชอบดูแลด้วยเป็นผู้ดำเนินการจับมันออกไป”
     
       เมื่อข่าวคำสั่งย้ายด่วน 3 หมาแม่ลูกกระจายออกไปทั่วที่ทำการ บช.น.ต่างเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.อก.บช.น.เนื่องจากความผูกพันเอ็นดูของเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนที่ผลัดเปลี่ยนกันมาทำข่าวที่ บช.น.มักจะนำเอาข้าวปลาอาหาร ขนม ของเล่น มาฝากลูกสุนัขด้วยความรักและเอ็นดูและสงสารกันทุกคน
     
       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แม่สุนัขตัวดังกล่าวเป็นแม่พันธุ์ไทยใบหูใหญ่ ที่เจ้าของเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอารักขาถวายความปลอดภัย บก.สปพ.เลี้ยงดูไว้ ได้เกษียณราชการไปเมื่อปีกลาย แต่ไม่เอาไป ปล่อยให้วิ่งหากินเร่รอนอยู่ใน บช.น.เรื่อยมา
     
       จนเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มาอาศัยใต้บันไดอาคาร บช.น.ดังกล่าวคลอดลูกออกมาจำนวน 6 ตัว โดยแม่สุนัขต้องออกไปหาอาหารกินด้านนอก ก่อนรีบกลับมาให้นมลูกๆ ทั้ง 6 ตัว และต้องคอยเห่าไล่ตัวเงินตัวทอง (เหี้ย) ที่อาศัยอยู่ใต้ถุนตึก บช.น.เกรงว่า จะมาลากลูกมันไปกินทั้งวันทั้งคืน จนมีสภาพร่างกายซูบผอมเห็นซี่โครง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และนักข่าวที่ บช.น.เห็นจึงหาอาหารมาให้แม่สุนัขกิน จะได้มีน้ำนมเลี้ยงลูกๆ ทั้ง 6 ตัว มีชีวิตรอด พร้อมกับช่วยเก็บกวาดขยะบริเวณสวนหย่อมที่สุนัขเหล่านั้นอาศัยให้สะอาด
     
       เมื่อเวลาผ่านไป 2-3 เดือน ลูกสุนัขก็เริ่มออกมาเดิน-วิ่งเล่นด้านนอก ด้วยความน่ารักและเอ็นดูก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายได้นำลูกสุนัขไปเลี้ยงยังบ้านพักคนละตัว-สองตัว โดยจะเลือกไปเฉพาะตัวผู้ จนปัจจุบันคงเหลืออยู่ 2 ตัว สุดท้ายซึ่งเป็นเพศเมีย ซึ่งจะมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ลูกตำรวจ-ผู้สื่อข่าว แวะเวียนมาเล่นกับลูกสุนัขเหล่านี้อย่างเอ็นดู จนเป็นขวัญใจของตำรวจและนักข่าว พร้อมกับตั้งชื่อให้แต่ละตัวที่เหลือ โดยตัวแม่ตั้งชื่อว่า นางมอม ลูกอีก 2 ตัวชื่อ นางแว่น และ เจ้าผักชี ซึ่งยังไม่รู้ว่าชะตากรรมจะเป็นอย่างไร เมื่อถูกคำสั่งผู้บังคับบัญชาในกองบัญชาการตำรวจนครบาลสั่งย้ายด่วนในครั้งนี้

ข่าวโดย ASTV

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น